40 ไอเดียห้องครัวมินิมอล ครีเอท เรียบง่าย น่าใช้งาน

การตกแต่งห้องครัวแบบเก่าให้กลายเป็นห้องครัวมินิมอลสุดทันสมัยตามสไตล์ความชื่นชอบของคนรุ่นใหม่ที่ดูสวยงาม เรียบร้อย เรียบง่าย แต่มีเสน่ห์ วันนี้เรามีไอเดียและคำแนะนำสำหรับการตกแต่งห้องครัวในฝันให้ฟังกัน

ทำไมมินิมอล (Minimal Style)  ถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน 

 

การตกแต่งบ้านก็เปรียบเสมือนการบ่งบอกตัวตนของเจ้าของบ้าน ดังนั้นจึงมีแนวความคิดและการตกแต่งบ้านในสไตล์ต่างๆ ออกมามากมาย โดยในหนึ่งในสไตล์ที่ได้รับความนิยมของคนรุ่นใหม่มากก็คือ “การตกแต่งสไตล์แบบมินิมอล หรือ Minimal Style โดยหลักการของคำๆ นี้มักจะนิยามถึงความน้อยแต่มาก เรียบแต่โก้บ่งบอกตัวตนของเจ้าของบ้านว่าเป็นคนที่มีรสนิยมในการเลือก มีความอบอุ่น อ่อนโยนแต่ก็มีความเรียบหรูที่น่าค้นหาในเวลาเดียวกัน   ไมดังนั้นการตกแต่งบ้านสไตล์นี้จึขับเน้นความเรียบง่าย ใช้ของตกแต่งต่างใช้เฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างน้อยชิ้น แต่ทุกชิ้นสามารถสร้างประโยชน์ได้ ทำให้การตกแต่งบ้านสไตล์นี้เป็นที่ถูกอกถูกใจของคนรุ่นใหม่ที่มักจะไม่ชอบความวุ่นวาย และห้องครัวที่มักจะเต็มไปด้วยถุงพลาสติก ยางมัดแกง ถ้วยชามต่างไซซ์ต่างสีและต่างขนาด ขวดเครื่องปรุงรสต่างๆ ที่วางอย่างไม่เป็นระเบียบจึงกลายเป็นความรุงรังที่มักจะเห็นได้โดยมากในห้องแบบครัวเก่าแบบเก่า ดังนั้นหากคุณกำลังมองหา ”ห้องครัวมินิมอลในฝัน” อยู่ บทความนี้จะช่วยแนะนำแนวทาง และไอเดียดีๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับตามได้อย่างแน่นอน 

 

อยากมี “ห้องครัวมินิมอล”ในฝันควรเริ่มอย่างไร?

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

โทนสีห้องแบบ Minimal Style ควรเลือกโทนสีห้องแนวสว่างหรือโทนอบอุ่นที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวล และรู้สึกถึงความสบายตาสบายใจ มากกว่าโทนสีทึบและโทนสีร้อนที่มักจะให้ความรู้สึกอึดอัด เช่น สีขาว สีเทา สีไข่หรือสีนวล สีน้ำตาล 

 

** สามารถใช้โทนสีอื่นนอกจากโทนนี้ได้มั้ย? .. ได้ค่ะ แต่ควรจะควบคุมความสมดุลของทั้งห้องให้ดี ใน 1 ห้องไม่ควรไม่ควรหลากสีจนเกินไปเพราะไม่เช่นกันจะกลายเป็นเรโทรสไตล์ (Retro Style) ไปแทน 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

ห้องครัวนั้นเป็นห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์ปรุงอาหาร ชั้นวางของ ตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว ชั้นวางจาน ฯลฯ ดังนั้นควรใส่ใจการเลือกเฟอร์นิเจอร์ให้ดี ควรเลือกชิ้นที่มีลวดลายน้อยๆ ดีไซน์การออกแบบเรียบๆ มากกว่าชิ้นที่มีลายเยอะๆ และควรเน้นชิ้นที่ใช้ประโยชน์ได้จริงๆ มากกว่าสิ่งที่ซื้อมาเพราะเหตุผลว่า “ของมันต้องมี” หรือ “ก็มันสวยอ่ะ” 

 

หลักการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกเตาไฟฟ้า เตาอบ ไมโครเวฟ กาน้ำร้อน เตาปิ้งขนมปัง หม้อหุงข้าว ฯลฯ ก็ควรใช้หลักการเดียวกัน คือ เน้นดีไซน์เรียบ สีพื้น ไม่มีลวดลาย และทางที่ดีควรเลือกเครื่องใช้ที่มีหลายๆ ฟังก์ชั่นในตัว เพื่อจะได้เพิ่มประโยชน์การใช้งานได้มากขึ้น ไม่ต้องซื้อเครื่องใช้ทั้งหมดมาวางให้เปลืองพื้นที่ 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

สีของเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นสีเรียบหรือสีพื้นเป็นหลัก ไม่ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของเครื่องใช้ที่มีโทนสีที่แตกต่างกันจนเกินไป เช่น พื้นห้องสีขาว เฟอร์นิเจอร์สีเทา แต่เลือกอุปกรณ์สีเขียว เพราะจะทำให้ขาดความสมดุล และดูไม่เรียบร้อย 

 

รูปจากPinterest 

 

หากต้องการให้รู้สึกถึงความอบอุ่น หรือ แฝงสไตล์มูจิในตัว (การตกแต่งแบบบ้านญี่ปุ่น) ให้เน้นเฟอร์นิเจอร์ผิวสีน้ำตาล หรือ เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้สีอ่อน อุปกรณ์ให้เน้นทำจากไม้เป็นหลัก

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

ตกแต่งชั้นวางของ เนื่องจากการแต่งห้องครัวสไตล์มินิมอลนั้นจะเน้นการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ใช้สอยให้มากที่สุด ดังนั้นการวางชั้นวางของติดผนังก็เป็นสิ่งที่สามารถช่วยจัดระเบียบให้ห้องครัวสวยน่ามองได้ โดยหลักการเลือกชั้นวางของนั้นก็ควรเลือกชิ้นที่ใช้งานได้หลากหลาย โทนสีเรียบไม่ฉูดฉาด ควรเป็นชั้นไม้ที่ทาเคลือบสารกันชื้นเพื่อลดอาการบวมและเชื้อรา หรือใช้ชั้นวางของแบบเหล็กที่ไม่เป็นสนิมเพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดการเกิดสนิมเกาะไม่น่ามอง  ไม่ควรใช้ชั้นพลาสติกมาติดในครัวเนื่องจากไม่แข็งแรงพอ อายุการใช้งานไม่นาน ยิ่งกว่านั้นหากมาติดตั้งในบริเวณที่ใกล้กับเตาที่ต้องใช้ความร้อนในการประกอบอาหาร ชั้นพลาสติกอาจจะละลายได้ 

 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 


 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

การจัดชั้นวางของให้เป็นระเบียบและได้ประโยชน์สูงสุดคือ การนำอุปกรณ์ที่ใช้งานประจำมาวางเรียงเพื่อให้สามารถหยิบใช้ได้ง่าย เช่น ทัพพี กระบวย ที่คีบอาหาร และการจัดวางขนม อาหารกระป๋อง ซองอาหารสำเร็จรูป และอาหารแห้งต่างๆ มาเรียงและแยกประเภทให้เรียบร้อย เพื่อให้ง่ายต่อการหยิบไปใช้งาน และการวางอาหารเหล่านี้ไว้ข้างนอกยังช่วยลดปัญหาอาหารหมดอายุได้ดีมากๆ เพราะเวลาที่เก็บอาหารเหล่านี้ในตู้จะทำให้ไม่เป็นที่สังเกตและส่วนมากจะถูกซุกไว้จนลืมค่ะ 
 

รูปจากPinterest 

 

การเพิ่มลิ้นชักและตู้ในครัว จะช่วยเพิ่มความเป็นระเบียบให้ห้องครัวได้เป็นอย่างดี เพราะจะช่วยจัดระเบียบอุปกรณ์เครื่องครัวที่อาจจะไม่ค่อยได้ใช้งาน เช่น ที่เปิดไวน์ อุปกรณ์แกะกุ้ง-ปู มีดปังตอ ฯลฯ หรืออุปกรณ์ที่เสี่ยงอันตรายอย่างมีด-กรรไกรตัดเนื้อได้อย่างเรียบร้อย เมื่อเทียบกับการเสียบใส่ไว้ในกระบอกแบบเก่าๆ ที่เกะกะสายตา และการเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของเด็กที่อาจจะมาหยิบมีดไปเล่น และไม่ต้องกังวลเรื่องฝุ่น-แมลงที่จะมาเกาะเวลาที่ล้างทำความสะอาดไว้เรียบร้อยแล้ว

 

รูปจากPinterest 

 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

การเพิ่มตู้เก็บของจะช่วยจัดเก็บสิ่งของและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น เพราะตู้เหล่านี้มักจะมีช่องหรือ ล็อคแบ่งอยู่ด้านในทำให้ช่วยเพิ่มสัดส่วนสิ่งของ เก็บถ้วย จาน ชาม และยังสามารถใส่ของที่เป็นส่วนตัว เช่น เหล้า ไวน์ เบียร์ หรือของที่ต้องการพรางสายตา เช่น ไหปลาร้า โถดองกิมจิ ฯลฯ ไม่ให้คนนอกเห็นได้โดยง่าย และช่วยให้เป็นระเบียบมากขึ้นด้วย 

 

รูปจากPinterest 

 

รูปจากPinterest 

 

​​​​​​​

รูปจากPinterest 

 

สรุปได้ว่า การตกแต่งห้องครัวสไตล์มินิมอลนั้นสามารถทำได้ด้วยตัวคุณเอง ไม่จำเป็นเป็นต้องจ้างอินทีเรียร์ดีไซเนอร์มาช่วยแต่อย่างใด เพียงแค่คุณรู้หลักการตกแต่งพื้นฐาน เข้าใจหลักของการเลือกโทนที่กลมกลืนกันก็ใช้ได้แล้ว .. และขอฝากเคล็บลับอีกนิดหน่อย สำหรับมือใหม่ที่อยากลองแต่งห้องครัวเอง คือคุณไม่ควรซื้อของทั้งห้องภายในคราวเดียวเด็ดขาด เพราะเมื่อไรที่คุณไปเดินให้มอลล์ คุณมักจะเห็นสิ่งของทุกอย่างที่เหมาะและเข้ากันกับห้องคุณทั้งหมด และหากคุณซื้อมาทั้งหมด มักจะเกิดปัญหาว่าสิ่งของบางชิ้นเกิดขนาดไม่เท่ากัน และบางชิ้นก็ไม่มีความจำเป็นเลย และเมื่อยัดทุกอย่างมารวมกันก็จะทำให้ขาดความเป็นมินิมอล และจะกลายเป็นมินิมาร์ทแทน 

 

ดังนั้นควรที่จะวางแผนการตกแต่ง มีผังห้องที่ชัดเจนทั้งขนาดห้อง ขนาดของเฟอร์นิเจอร์ และภาพสไตล์ที่ต้องการอย่างชัดเจน และควรที่จะพกสายวัดไปด้วยทุกครั้งเพื่อวัดขนาดเฟอร์นิเจอร์นั้นๆ ก่อนซื้อมาเพื่อให้มั่นใจว่า สามารถเข้ากับพื้นที่ของคุณได้อย่างแท้จริงค่ะ