30ไอเดีย เสน่ห์ของเคาน์เตอร์ครัวสีขาว กับเฉดสีขาว 3 เฉดที่คนรักสีขาวต้องรู้!!

 

การตกแต่งห้องครัวถือเป็นสิ่งที่คนที่รักในการทำอาหารทุกคนชื่นชอบ เพราะเป็นเหมือนการก่อสร้างอาณาจักรของตัวเอง ดังนั้นห้องครัวที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงามจึงเป็นเหมือนการสะท้อนเอกลักษณ์และสไตล์ของเจ้าของได้เป็นอย่างดี และในสไตล์ของการตกแต่งห้องครัวยอดนิยมนั้น การใช้ “เคาน์เตอร์ครัวสีขาว” ถือเป็นไอเท็มหลักที่คนมักจะเลือกใช้เพราะโทนสีขาวเป็นโทนที่สามารถเข้าได้กับทุกโทนสี วันนี้เราจึงมีไอเดียที่อยากจะแนะนำการใช้เคาน์เตอร์สีขาวในครัวมาแนะนำค่ะ 

 

 

เคาน์เตอร์ครัวคืออะไร

เคาน์เตอร์ครัวนั้นเป็นส่วนหนึ่งในครัวที่ทุกๆ บ้านมีแต่ความจริงแล้วเคาน์เตอร์ครัวนั้นเป็นของใหม่ที่ไม่ได้เป็นของไทยเดิมค่ะ เพราะแต่เดิมนั้นคนไทยโบราณของเราจะนิยมปรุงอาหารกับแคร่หรือพื้นมากกว่าและยังนิยมปรุงอาหารในครัวแบบเปิดมากกว่าปิด  แต่ปัจจุบันประเทศไทยมีการรับวัฒนธรรมต่างชาติและเปลี่ยนการปรุงอาหารในครัวเปิดมาเป็นครัวแบบปิด ดังนั้นเคาน์เตอร์ครัวจึงกลายเป็นพื้นที่หลักในการปรุงอาหาร และยังเป็นเหมือน “ของวิเศษโดเรม่อน” ที่สามารถช่วยกักเก็บอุปกรณ์ที่ช่วยให้การทำอาหารเป็นไปอย่างเรียบร้อย เป็นระเบียบ และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และยังช่วยให้ห้องครัวดูสวยงามในตัวด้วยค่ะ 

 

 

 

 

 

ประเภทของเคาน์เตอร์ครัว 

เคาน์เตอร์ครัวนั้น โดยส่วนใหญ่จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ คือ 

  • เคาน์เตอร์รูปตัวไอ (I-Shape Kitchen) เป็นการจัดวางเคาน์เตอร์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด เป็นการวางเคาน์เตอร์ประมาณ 2 หรือ 3 ตู้วางติดกันเป็นเส้นตรงติดแนวผนัง เหมาะสำหรับใช้ในห้องที่มีพื้นที่ไม่เยอะหรือคอนโดมิเนียม

  • เคาน์เตอร์รูปตัวแอล (L-Shape Kitchen) เป็นการวางเคาน์เตอร์แบบที่ช่วยให้การใช้ครัวสะดวกสบายมากขึ้น เพราะสามารถจัดแบบเข้ามุมของห้องได้ ช่วยให้ห้องมีมิติมากขึ้น ใช้พื้นที่ทุกอย่างในครัวได้อย่างคุ้มค่า 

  • เคาน์เตอร์รูปตัวยู (U-Shape Kitchen) เป็นการวางเคาน์เตอร์ครัวแบบติดผนังห้องทั้ง 3 ด้านจนออกเป็นรูปตัวยู ข้อดีคือสามารถวางเคาน์เตอร์ได้เยอะ เป็นห้องครัวใหญ่ ใช้พื้นที่ได้เยอะ แต่ข้อเสียคือต้องมีพื้นที่เยอะพอสมควร 

  • เคาน์เตอร์แบบจัดตรงกลาง (Island Kitchen) เป็นสไตล์การจัดวางเคาน์แบบตะวันตก คือการวางเคาน์เตอร์ตรงกลางห้อง ซึ่งสามารถเพิ่มพื้นที่ในการทำอาหารได้ หรือ ยังสามารถนั่งทานแทนโต๊ะรับประทานอาหารได้ แต่ข้อเสียคือ ต้องมีพื้นที่ในห้องต้องเยอะ เพราะไม่งั้นเมื่อว่างเคาน์เตอร์ตรงกลางอาจจะทำให้อึดอัดได้ 
     

 

 

 

 

 

อยากมีเคาน์เตอร์ครัวสวยๆ ต้องเลือกท็อปเปอร์ครัวให้ดี

ส่วนใหญ่แล้วเคาน์เตอร์แต่ละแบบจะมีความแตกต่างกันตรงที่ท็อปเปอร์หรือวัสดุผิวหน้าของเคาน์เตอร์ ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดนั้นก็มีเอกลักษณ์ มีสีและลวดลายสวยงาม มีประโยชน์ในการใช้งานแตกต่างกัน และยังเปลี่ยนอารมณ์ Mood and Tone ของห้องได้อีกด้วย ซึ่งประเภทของท็อปเปอร์เคาน์เตอร์ยอดนิยมก็จะมีดังนี้ 

  • ท็อปเคาน์เตอร์เซรามิก เป็นท็อปที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีลวดลายและสีให้เลือกหลายแบบ ติดตั้งง่าย ราคาถูกกว่าแบบอื่น เกิดรอยขีดข่วนได้ง่าย และต้องรักษาความสะอาดให้ดีเพราะคราบมักจะติดตามซอกทำให้สะสมเชื้อโรค 

  • ท็อปเคาน์เตอร์ลามิเนต จุดเด่นของดูแลง่าย น้ำหนักเบา เมื่อนำมาตกแต่งแล้วทำให้ห้องครัวดูทันสมัย ทนต่อความร้อน ไม่สะสมเชื้อโรค แต่ข้อเสียคือ ชื้นง่าย ไม่เหมาะกับห้องครัวที่ใช้ประจำ เหมาะสำหรับห้องครัวที่ปรุงอาหารเล็กๆ น้อยๆ เช่น ชงกาแฟ ปิ้งขนมปัง และต้องไม่วางติดกับซิงค์ล้างจาน

  • ท็อปเคาน์เตอร์แกรนิต เป็นท็อปที่ผลิตจากหินแกรนิต จุดเด่นคือมีความแข็งแรงทนทาน มีสีและลวดลายที่โดดเด่น ช่วยให้ห้องครัวมีเอกลักษณ์ ราคาไม่แพงแต่ไม่ค่อยเหมาะกับนำไปตั้งเคาน์เตอร์แบบตัวแอลเพราะมองเห็นรอยต่อง่าย ทำให้ไม่สวยงาม 

  • ท็อปเคาน์เตอร์ท็อปหินควอซ์ เป็นท็อปที่ผลิตจากแร่ควอซ์ธรรมชาติ ช่วยให้ครัวมีความสวยงาม มีความทนทานสูง ทนต่อแรงขีด และสามารถใช้ได้ทั้งครัวหนักและครัวเบา ทนต่อความชื้นดี 

 

 

 

  • ท็อปเคาน์เตอร์หินอ่อน เป็นท็อปที่ส่งผลต่อห้องครัวมากที่สุด เพราะจะช่วยปรับให้ห้องครัวมีความสวยงามหรูหรา สะอาดตา และดูมีสไตล์ แต่ข้อเสียคือราคาแพง ดูแลรักษายาก และไม่ทนต่อรอยขูดขีด และยังไม่ทนต่อความชื้น คราบอาหารและน้ำมันติดง่าย 

  • ท็อปเคาน์เตอร์หินสังเคราะห์ เป็นท็อปที่ผลิตจากหินสังเคราะห์เลียนแบบหินอ่อน ข้อดีคือ มีความแข็งแรงทนทานมากกว่าทานต่อกรด-ด่าง ทนต่อคราบ ทนความร้อนได้สูง 

  • ท็อปเคาน์เตอร์สเตนเลส เป็นท็อบที่เหมาะสำหรับคนที่ทำอาหารและเบเกอรี่บ่อยๆ จุดเด่นคือ เป็นเคาน์เตอร์ที่มีความแข็งแรงมาก ทนต่อแรงกระแทก รอยขูดขีดและทนต่อความชื้น ดูแลง่าย ทำความสะอาดง่ายไม่สะสมเชื้อโรค แต่ข้อเสียคือ ท็อปเปอร์จะมีสีสเตนเลสเพียงอย่างเดียว ไม่สามารถเลือกสีได้ 
     

 

 

 

 


 

ประโยชน์ของเคาน์เตอร์ครัวสีขาว 

สำหรับห้องครัวสีขาวหรือเคาน์เตอร์สีขาวนั้น สำหรับคนรุ่นก่อนอาจจะไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าไร เนื่องจากมักจะรู้สึกว่าเป็นสีที่ทำให้มองเห็นคราบได้ง่าย ทำความสะอาดยาก ทำให้คนรุ่นเก่าจะนิยมใช้ห้องครัวและเคาน์เตอร์ที่เน้นสีทึบๆ ที่สังเกตคราบยาก แต่ในยุคปัจจุบันนั้นคนรุ่นใหม่ได้รับสไตล์การตกแต่างบ้านแบบตะวันตกมากขึ้นที่มักจะชื่นชอบความโปร่ง โล่งตา ทำให้ห้องครัวดูสะอาด และน่าใช้งาน  ทำให้เคาน์เตอร์ครัวกลับมาเป็นที่นิยมมากขึ้น 

นอกจากนี้ข้อเสียที่คนรุ่นก่อนมองว่าเป็นจุดเสีย กลับเป็นจุดเด่นที่สามารถช่วยให้สังเกตเห็นคราบได้ง่ายขึ้น ทำให้ช่วยทำความสะอาดได้ทันที ไม่ปล่อยให้สกปรก เลอะเทอะ ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคและสัตว์กวนใจอย่างหนูและแมลงสาบอีกด้วย

 

 

 

 

 


 

เฉดสีขาว 3 เฉดที่ให้อารมณ์แตกต่างกัน 

ถึงแม้ว่า “สีขาว” จะเป็นเฉดสีที่ดูแลง่าย สะอาดตา แต่สีขาวเองก็มีเฉดสีที่แตกต่างกันถึง 3 เฉดสี ที่ให้อารมณ์และโทนของห้องที่แตกต่างกัน ดังนี้ 

 

1. Earthy หรือ  White on White 

 

 

เป็นสีขาวเฉดสีธรรมชาติ หรือ ขาวสว่าง เป็นสีที่ค่อนข้างเหมาะที่จะทำไปผสมผสานหรือตกแต่งคู่กับโทนสีน้ำตาล หรือสีไม้ธรรมชาติ สีฟ้าอมเทา เขียวอมเทา และสีเทาอ่อน เช่นเคาน์เตอร์สีขาวล้วนทั้งตัว หรือท็อปเปอร์สีน้ำตาลเข้ม 

2. Warm Bohemian 

 

เป็นเฉดสีขาวโทนอุ่น ที่จะช่วยปรับในอารมณ์ของห้องดูอบอุ่น เป็นกันเอง เป็นสีที่ค่อนข้างเหมาะที่จะทำไปผสมผสานหรือตกแต่งคู่กับสีอิฐ สีน้ำตาลอมแดง หรือสีน้ำตาลเข้ม เช่น เคาน์เตอร์สีขาว ท็อปเปอร์สีน้ำตาล หรือลายไม้ 

 

3. Pure White 

 

เป็นเฉดสีขาวหม่นๆ คล้ายกับควันบุหรี่ มีความอมเทานิดๆ ช่วยปรับอารมณ์ให้ห้องมีความคลาสสิค และดูดีมีสไตล์ เป็นสีที่ค่อนข้างเหมาะที่จะทำไปผสมผสานหรือตกแต่งคู่กับสีเทา สีดำ และสีชมพู เข่นเคาน์เตอร์สีดำ ท็อปเปอร์สีขาว

 

อย่างไรก็ตามการตกแต่งห้องครัวนั้น ไม่ว่าจะเป็นเคาน์เตอร์สีขาวหรือสีใด เจ้าของบ้านควรเลือกประเภท และชนิดของท็อปเปอร์เคาน์เตอร์ที่เหมาะกับประเภทการใช้งาน เพราะหากเลือกไม่ดีอาจจะต้องแก้บ่อย เสียเงินซ่อมบ่อยได้ค่ะ